หากพูดถึงประเทศแผ่นดินใหญ่อย่างจีน แดนมังกรอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ หลายคนคงคิดถึงเมืองดังอย่าง ฮ่องกง ปักกิ่ง หรือเซี่ยงไฮ้ กันเป็นส่วนใหญ่ น้อยคนนักที่จะได้ยินชื่อ “ตุนหวง Dunhuang” ในฐานะเมืองท่องเที่ยว และนี่คงเป็นโอกาสอันดีที่เราจะพาไปชมความงดงามทางประวัติศาสตร์และสัมผัสกับมรดกโลกกลางทะเลทรายอันน่าอัศจรรย์
ตุนหวง เมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลกานซู ภาคตะวันตกของจีน เมืองอารยธรรมโบราณกลางทะเลทราย บนเส้นทางสายไหมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี แหล่งบรรจบของอารยธรรมจีนและอารยธรรมตะวันตก ที่ตั้งของเนินทรายครวญ ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว และ ถ้ำหินมหัศจรรย์ คลังพุทธศิลป์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดของโลก หาวันว่างไปสัมผัสความงดงามท่ามกลางความแห้งแล้งของทะเลทรายที่ตุนหวง มรดกโลกที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง

การเดินทาง: การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังเมืองตุนหวงสามารถเดินทางโดยเครื่องบินมาลงที่ท่าอากาศยานตุนหวง (Dunhuang Airport) และต่อแท็กซี่เข้าตัวเมือง ใช้เวลาประมาณ 10 – 15 นาที การเดินทางภายในเมือง แนะนำให้จองทัวร์กับทางโรงแรม หรือเช่าแท็กซี่แบบเหมาวัน
Mingshashan and Crescent Lake
เปิดฉากความอัศจรรย์บนทะเลทรายโกบี แหล่งรวมมรดกโลกอันแสนงดงามที่ “เนินทรายหมิงซาซาน (MingShaShan)” อยู่ห่างจากตัวเมืองไป 6 กม. เนินทรายครวญที่ไม่มีวันหลับใหลขนาดมหึมาที่ก่อตัวขึ้นจากการพัดพาของกระแสลม ซึ่งหอบหิ้วเม็ดทรายขนาดเล็กนำมาทับถมกันจนเกิดเป็นกองทรายขนาดใหญ่ การชมเนินทรายหมิงซาซาน นอกจากจะใช้วิธีเดินแล้ว ยังมีอูฐยืนเรียงรายรอให้บริการนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสบรรยากาศการท่องทะเลทรายกันด้วย ค่าบริการขี่อูฐชมทะเลทรายจะอยู่ที่ 100 หยวน นอกจากนี้ยังมีบริการรถไฟฟ้า รถวิบาก รวมทั้งบริการเครื่องร่อนบินให้ชมวิวทิวทัศน์จากมุมสูง ใครอยากเพิ่มความสนุก ขาลงลองนั่งเลื่อนทราย เช่าเบาะนั่งสไลด์ลงจากเนินทรายคลายความเมื่อยจากการเดินได้

ไฮไลท์ของเนินทรายหมิงซาซานก็คือ “ทะเลสาบรูปร่างพระจันทร์เสี้ยว (Crescent Lake)” หรือที่เรียกในภาษาจีนว่า “เย่ว์หยาเฉวียน” ในเวิ้งทรายสีทองกว้างใหญ่ที่ทิศทางของกระแสลมไม่ว่าจะพัดแรงเพียงใด ก็ไม่พัดทรายลงมาในทะเลสาบให้กลืนหายไป แต่ปัจจุบันด้วยอิทธิพลของโลกร้อน การสูบน้ำใต้ดินมาใช้ในการเกษตร การเติบโตของเมือง มีการใช้น้ำบาดาลมากขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำใต้ดินลดน้อยลง จนทะเลสาบตื้นเขินกลายเป็นแอ่งน้ำลึกไม่ถึงเมตรจากเดิมที่เคยลึกถึง 5 ม. เมื่อ 50 – 60 ปีก่อน วันข้างหน้าทะเลสาบแห่งนี้อาจมีรูปทรงเหมือนเดิม แต่ ณ วันนี้รอบทะเลสาบยังคงความชุ่มชื่น ร่มเย็น เพราะรายล้อมด้วยต้นไป๋หยาง กิ่งหลิว และต้นอ้อ ที่ปลิวไสวไปตามกระแสลม ข้าง ๆ เป็นที่ตั้งของเจดีย์และวัดจีนศิลปะฮั่น นักท่องเที่ยวสามารถแวะไปทำบุญ พักผ่อน และช้อปของที่ระลึก
Address: Dunhuang, Jiuquan, China
Opening Hours: Daily 8.00 – 17.00 น.
Ticket: (พ.ค. – ต.ค.) 120 หยวน / (พ.ย. – เม.ย.) 80 หยวน สามารถใช้ตั๋วเยี่ยมชมเนินทรายหมิงซาซานและทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวได้หลายครั้งภายใน 3 วัน นับตั้งแต่วันที่ซื้อตั๋ว
Be Careful: เนื่องจากเมืองตุนหวงตั้งอยู่ใกล้กับทะเลทราย นักท่องเที่ยวจึงควรเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสภาพอากาศ ร้อนจัดและเย็นจัด ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในแต่ละวัน รวมถึงพายุลมกรรโชกที่อาจพัดทรายเข้ามาอย่ากระทันหัน ดังนั้นอย่าลืมพกหมวก แว่นกันแดดกันลม ครีมกันแดด ผ้าปิดหน้า ติดตัวไว้ตลอดการท่องเที่ยว ช่วงที่เหมาะกับการเดินทางมาเที่ยวคือช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม เพราะสภาพอากาศกำลังดี ไม่ร้อนหรือไม่หนาวจนเกินไป

Mogao Cave
ถ้ำหินพุทธศิลป์ม่อเกา (Mogao Cave) หรือ ถ้ำเซียนโฝ (Qian Fo) พุทธศิลป์สุดยิ่งใหญ่กลางทะเลทรายโกบี สิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์บนหน้าผาทางด้านตะวันออกของภูเขาหมิงซา ห่างจากตัวเมืองตุนหวง ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ราว 25 กม. ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมื่อปีค.ศ. 1987 และได้รับการยกย่องเป็นแหล่งพุทธศิลป์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน ถ้ำม่อเกาเป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ยาว 1,600 ม. คาดกันว่าใช้เวลาก่อสร้างนานนับพันปี ในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 4 – 14 ภายในถ้ำเต็มไปด้วยภาพวาดและรูปสลักทางศาสนา ภาพผนังกินเนื้อที่กว่า 45,000 ตารางเมตร ส่วนใหญ่เป็นศิลปะสมัยราชวงศ์ถัง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บอกเล่าเรื่องราวของความดี – ความชั่ว และความสุขนิรันดร์ในสรวงสวรรค์ นอกจากนี้ภายในถ้ำม่อเกายังมีสิ่งก่อสร้างที่สร้างจากไม้ในสมัยราชวงศ์ถังและซ้อง จำนวน 5 หลัง คัมภีร์และหนังสือต่าง ๆ กว่า 50,000 ชิ้น และประติมากรรมเกือบ 2,500 ชิ้น อีกด้วย เรียกได้ว่าทรงคุณต่ามากจนนักโบราณคดีตะวันตกขนานนามถ้ำนี้ว่า “Library Cave” สะท้อนให้เห็นอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ของของศาสนาพุทธ ความเชื่อมโยงของวัฒนธรรมและอารยธรรม บทบาทของเมืองตุนหวงบนเส้นทางสายไหม ไม่ใช่แค่สถานที่นำเข้า – ส่งออกสินค้า จุดแวะพักของขบวนคาราวานพ่อค้าเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เสมือนสถานีถ่ายทอด แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ระหว่างจีน อินเดีย กรีก และอาหรับ ที่ช่วยหลอมรวมให้เกิดเป็นเมืองมรดกโลกแห่งนี้ขึ้นมา ปัจจุบันทางการจีนเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพียงไม่กี่ถ้ำเท่านั้น โดยกฎข้อสำคัญในการเข้าชมคือ ห้ามถ่ายรูป และไม่เปิดไฟ เพื่อรักษาสภาพถ้ำให้คงอยู่สมบูรณ์ที่สุด
Address: Dunhuang, Jiuquan, Gansu, China
Opening Hours: (พ.ค. – ต.ค.) ทุกวัน 8.00 น. – 18.00 น. และ (ธ.ค. – เม.ย.) ทุกวัน 8.00 น. – 18.00 น.


Dunhuang Night Market
เนื่องจากตุนหวงไม่มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ “ไนท์มาร์เก็ตตุนหวง” จึงเป็นทั้งตลาดขึ้นชื่อและแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคนที่นี่และนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน ตลาดแบ่งเป็น 2 โซน คือ โซนร้านอาหารและของกินแปลกใหม่ที่ไม่ค่อยคุ้นตานักให้ลิ้มลองมากมาย อีกโซนจะเป็นร้านค้าจำหน่ายของที่ระลึก เช่น หินอัญมณี เครื่องประดับ งานฝีมือ เครื่องดนตรี และภาพวาดที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะของจีน
Address: Dunhuang City, Gansu, China
Opening Hours: 24 Hours


Recommended Hotel: Silk Road Dunhuang Hotel.
โรงแรมหรู บรรยากาศดี พร้อมทั้งทำเลสุดเพอเฟคสำหรับนักท่องเที่ยว อยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ภายในเมือง ตัวอาคารออกแบบให้คล้ายคลึงกับกำแพงเมืองเก่าเข้ากับบรรยากาศเมืองโบราณอย่าง Dunhuang ได้เป็นอย่างดี ภายในห้องพักก็ตกแต่งได้อย่างสวยงาม มีความสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมีบริการพิเศษ โทรศัพท์ในห้องพักที่สามารถโทรศัพท์ทางไกลข้ามประเทศ (IDD) ได้อีกด้วย
Address: Dunyuet Road, Dunhuang, China
Tel: +86 937 888 2088